โดยที่แต่ละยุค แต่ละสมัย ระบบ Data Center ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปครับ โดยมีด้วยกัน
ดังนี้ครับ
1. Data Center ยุคแรก คือการที่ใช้งาน Server อยู่ในรูปแบบของ Physical
2. Data Center ยุคสอง คือการที่ใช้งาน Server ใน Technology ของ Virtual Machine
3. Data Center ยุคสาม คือการที่ใช้งาน Server ใน Technology ของ Cloud
ณ ปัจจุบันส่วนใหญ่นั้น คนเรามักจะมองข้ามไปว่า เราต้องการทำ Private Cloud บ้าง
ต้องการทำPublic Cloud บ้าง หรือต้องการทำ Hybrid Cloud บ้างแต่ ก่อนที่เราจะบอกว่า
เราต้องการทำชุด Deployment Cloud Service (Private Cloud, Hybrid Cloud, Public Cloud)
อะไรเรานั้นต้องรู้ก่อนว่าจะใช้ Cloud Service อะไร และค่อยมาเลือกว่าจะใช้
Deployment Cloud Service อะไรและควรจะใช้ Product ไหนมาทำ Cloud กันดี
Cloud Essential Characteristics นิยามของ Cloud นั้น มีด้วยกันทั้งหมดอยู่ 5 อย่าง
ซึ่งถ้าขาด อย่างใด อย่างหนึ่งไปก็จะไม่ได้เรียกว่า เป็น Cloud ซึ่งถ้าขาดอย่างใดไปและบอกว่า
เป็น Solution Cloud ที่ขายๆกัน ก็บอกกับได้เลยนะครับว่า นี่ไม่ใช่ Cloud แน่นอน ซึ่งนิยามของ
Cloud นั้นมาจาก หน่วยงาน National Institute of Standards and Technology (NIST)
เป็นหน่วยงานกลางในการจัดการเรื่องของ Cloud ซึ่งได้นิยามไว้ดังต่อไปนี้
1. Resource Pooling/Multi-Tenancy คือการนำ Resource ต่างๆมา Pool รวมกัน
เพื่อให้บริการกับผู้ใช้งานได้หลากหลาย โดยข้อมูลของผู้ใช้บริการแต่ละรายจะไม่ข้อง
เกี่ยวกัน เช่น ทำ Resource Pool (Disk 1 TB) สามารถแบ่งการใช้งานให้กับผู้ใช้บริการ A
และ ผู้ใช้บริการ B ได้ โดยที่ผู้ใช้บริการ A และ ผู้ใช้บริการ B จะเห็นแค่ข้อมูลของ
ผู้ใช้บริการนั้นๆเอง และไม่สามารถเห็นข้อมูลของผู้ใช้บริการรายอื่นๆ ที่ไม่ใช่ของตน
2. On-demand & Self-Service คือ ผู้ใช้บริการสามารถจัดการได้ด้วยตัวของผู้ใช้บริการเอง
โดยไม่จำเป็นจะต้องอาศัยความช่วยเหลือจากผู้ให้บริการ เช่น ผู้ใช้บริการต้องการสร้าง
Virtual Machine ขึ้นมานั้น ผู้ใช้บริการก็สามารถสร้างได้เอง จาก Template และ Resource
ที่มีในการใช้งาน
3. Rapid Elasticity คือ รองรับการร้องขอการใช้งานได้ตามความต้องการ หรือเรียกง่ายๆว่า
ต้องมีความยืดหยุ่นต่อการใช้งาน เช่น ผู้ใช้งานสามารถสร้าง Virtual Machine เพิ่มขึ้น
แบบเดียวกับ Virtual Machine เดิมที่ทำงานอยู่ได้ทันที เพื่อรองรับโหลดที่เพิ่มขึ้น
และเมื่อโหลดลดลงไปก็สามารถลดจำนวนปรับจำนวน Resource หรือ ลด Virtual Machine
ได้ทันทีเช่นกัน
ต้องมีความยืดหยุ่นต่อการใช้งาน เช่น ผู้ใช้งานสามารถสร้าง Virtual Machine เพิ่มขึ้น
แบบเดียวกับ Virtual Machine เดิมที่ทำงานอยู่ได้ทันที เพื่อรองรับโหลดที่เพิ่มขึ้น
และเมื่อโหลดลดลงไปก็สามารถลดจำนวนปรับจำนวน Resource หรือ ลด Virtual Machine
ได้ทันทีเช่นกัน
4. Measured Service คือ สามารถระบุปริมาณการใช้งานที่แน่นอนได้ รวมไปถึงสามารถ
ติดตามและควบคุมการใช้งานได้ด้วยเช่นกัน เช่น เมื่อผู้ให้บริการได้ให้บริการ Resource
ต่างๆให้กับผู้ใช้งานแล้วจะต้องมีทำการเก็บข้อมูลการใช้งาน Resource ต่างๆของลูกค้าด้วย
เพื่อนำไปจัดทำรายงานและเก็บค่าบริการกับผู้ใช้งาน (Charge Back)
5. Broad Network Access คือ สามารถใช้งาน จากที่ไหนก็ได้ และหลากหลาย Deviceติดตามและควบคุมการใช้งานได้ด้วยเช่นกัน เช่น เมื่อผู้ให้บริการได้ให้บริการ Resource
ต่างๆให้กับผู้ใช้งานแล้วจะต้องมีทำการเก็บข้อมูลการใช้งาน Resource ต่างๆของลูกค้าด้วย
เพื่อนำไปจัดทำรายงานและเก็บค่าบริการกับผู้ใช้งาน (Charge Back)
ทำให้สะดวกต่อการใช้งาน เช่น ผู้ใช้งานสามารถจัดการ Resource บน Cloud ผ่าน Device
ที่เป็น Mobile Device ได้ โดยไม่จำเป็นจะต้องใช้เพียงแค่ PC or Notebook เท่านั้น
รวมไปถึงอยู่ที่ไหนก็สามารถจัดการ Cloud ได้โดยไม่จำเป็นจะต้อง อยู่แค่ที่ Office
ในการจัดการ และใช้งาน
ต่อมาก็จะพูดถึง Cloud Service นะครับ
Cloud Service
1. IaaS: Infrastructure As A Service เป็นการที่ผู้ให้บริการดูแลระบบโครงสร้าง
พื้นฐานต่างๆ โดยผู้ใช้บริการไม่จำเป็นต้องลงทุนซื้ออุปกรณ์เอง อีกทั้งไม่จำเป็นต้อง
จ้างคนมาดูแลรักษาระบบและอุปกรณ์ต่างๆ ในส่วนของผู้ใช้บริการจะดูแลในส่วนของ
Virtual Machine, Operating System รวมไปถึง Application และข้อมูลต่างๆ
ที่ต้องการใช้งาน
* ถ้าผู้ใช้งานเลือกใช้งาน Cloud Service: Infrastructure As A Service(IaaS)
ก็สามารถเลือกชุด Deployment Cloud Service Private Cloud และ Public Cloud
2. PaaS: Platform As A Service เป็นการที่ผู้ให้บริการดูแลในส่วน Platform
ต่างๆ ที่จำเป็นในการพัฒนา Software และ Application ไว้ให้ เพื่อให้ผู้ใช้งาน
ได้ใช้ในการสร้างและพัฒนา Software และ Application ต่างๆ
* ถ้าผู้ใช้งานเลือกใช้งาน Cloud Service: Platform As A Service(PaaS)
ก็สามารถเลือกชุด Deployment Cloud Service Public Cloud
* ถ้าผู้ใช้งานเลือกใช้งาน Cloud Service: Software As A Service(SaaS)
ก็สามารถเลือกชุด Deployment Cloud Service Public Cloud
Deployment Cloud Service
พื้นฐานต่างๆ โดยผู้ใช้บริการไม่จำเป็นต้องลงทุนซื้ออุปกรณ์เอง อีกทั้งไม่จำเป็นต้อง
จ้างคนมาดูแลรักษาระบบและอุปกรณ์ต่างๆ ในส่วนของผู้ใช้บริการจะดูแลในส่วนของ
Virtual Machine, Operating System รวมไปถึง Application และข้อมูลต่างๆ
ที่ต้องการใช้งาน
* ถ้าผู้ใช้งานเลือกใช้งาน Cloud Service: Infrastructure As A Service(IaaS)
ก็สามารถเลือกชุด Deployment Cloud Service Private Cloud และ Public Cloud
2. PaaS: Platform As A Service เป็นการที่ผู้ให้บริการดูแลในส่วน Platform
ต่างๆ ที่จำเป็นในการพัฒนา Software และ Application ไว้ให้ เพื่อให้ผู้ใช้งาน
ได้ใช้ในการสร้างและพัฒนา Software และ Application ต่างๆ
* ถ้าผู้ใช้งานเลือกใช้งาน Cloud Service: Platform As A Service(PaaS)
ก็สามารถเลือกชุด Deployment Cloud Service Public Cloud
3. SaaS: Software As A Service คือการให้บริการ Application ต่างๆ บน
Cloud โดยที่ผู้ใช้งานดูแลแค่ในส่วนการใช้งาน และข้อมูลที่ใช้งาน
อาทิเช่น Office365, Exchange Online
Cloud โดยที่ผู้ใช้งานดูแลแค่ในส่วนการใช้งาน และข้อมูลที่ใช้งาน
อาทิเช่น Office365, Exchange Online
* ถ้าผู้ใช้งานเลือกใช้งาน Cloud Service: Software As A Service(SaaS)
ก็สามารถเลือกชุด Deployment Cloud Service Public Cloud
Deployment Cloud Service
1. Private Cloud: Cloud ที่เป็นส่วนตัว กล่าวคือผู้ใช้บริการ
ขององค์กรนั้นๆเท่านั้น ที่สามารถดูแล และจัดการ ไม่ว่าจะเป็น Resource
รวมไปถึงการแบ่งสิทธิ์การดูแล และจัดการ Resource ต่างๆ โดย
สามารถทำ Private Cloud โดยใช้ Data Center ภายในองค์กร
หรือ จะเช่า Data Center จากผู้ให้บริการภายนอกก็ได้
2. Hybrid Cloud: Cloud ที่ผสมผสานระหว่าง Private Cloud และ Public Cloud
ขององค์กรนั้นๆเท่านั้น ที่สามารถดูแล และจัดการ ไม่ว่าจะเป็น Resource
รวมไปถึงการแบ่งสิทธิ์การดูแล และจัดการ Resource ต่างๆ โดย
สามารถทำ Private Cloud โดยใช้ Data Center ภายในองค์กร
หรือ จะเช่า Data Center จากผู้ให้บริการภายนอกก็ได้
2. Hybrid Cloud: Cloud ที่ผสมผสานระหว่าง Private Cloud และ Public Cloud
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น